กฎหมายลูก 2 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการ เลือกตั้ง ส.ส. ที่มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีจำนวน 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบ่งเขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน
โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบสูตรหาร 100 และมีการแบ่งเขตเลือกตั้งคำนวณสัดส่วนใหม่
และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีสาระสำคัญในการแก้ไขค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมือง การทำไพรมารีโหวตส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ
ทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.2566
ถนนการเมืองมุ่งไปสู่การเลือกตั้งเต็มตัว
หลายพรรคจึงโหมลงพื้นที่กันหนักขึ้น โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการเปิดเวทีปราศรัยตุนกระแสกันตั้งแต่เนิ่นๆ
เพื่อไทย แชมป์เก่าและว่าที่แชมป์ในศึกเลือกตั้งหนนี้ คิกออฟยุทธศาสตร์ปูพรมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ทั่วประเทศ เริ่มกันที่ เลย–หนองคาย
ตอกย้ำแฟนคลับอย่าปันใจ เพื่อไทยมีพรรคเดียว ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง
ก้าวไกล พรรคแนวร่วม ณ ปัจจุบัน (วันข้างหน้าไม่แน่) เปิด อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จัดประชุมใหญ่พรรค
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค ประกาศกร้าว พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 และ จะปิดสวิตช์ 3 ป. ล้างมรดก คสช. ให้สูญพันธุ์
แต่ 2 พรรคที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ คือ พลังประชารัฐ “พรรคพี่” ทำเซอร์ไพรส์สุด คือการดึงกลุ่ม 4 กุมารกลับคืนรัง โชว์พลัง “บิ๊กบราเธอร์” ของแท้
ส่วน รวมไทยสร้างชาติ–รวมทาสสร้างชัย “พรรคน้อง” ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดหน้าโชว์ตัวบนเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ชุมพร ถิ่น “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส
จัดอีเวนต์บิ๊กบึ้ม ต้อนรับกันให้สมฐานะ “พระยาน้อยชมตลาด”
พรรคพี่–พรรคน้อง หน้าฉากเหมือนจะห้ำหั่นกันเอาเป็นเอาตาย
แต่หลายคนยังคาใจอยู่ลึกๆว่าเป็นแค่ปาหี่–ลิเกโรงใหญ่
ก็อย่างผลสำรวจ นิด้าโพล ที่ออกมา ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มองว่า การแข่งขันทางการเมืองของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ ไม่ได้แตกกัน เป็นแค่การแข่งขันทางการเมือง รวมถึงการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
ซึ่งส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า จำนวน ส.ส.ของสองพรรค หลังการเลือกตั้ง จะได้ ส.ส.เท่าๆกัน
และเมื่อถามความเห็นต่อความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะจับมือกันในการจัดตั้งรัฐบาล
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ก็ยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้มาก และค่อนข้างเป็นไปได้
นี่เป็นมุมมองของผู้คนที่ยังเชื่อว่าพี่น้องสองเสือไม่ได้แตกกันจริง ที่ต้องแยกกันเดิน
เพราะศึกเลือกตั้งครั้งนี้ คือการชี้ชะตาระหว่าง “เอาตู่” กับ “ไม่เอาตู่”.
เพลิงสุริยะ







