กนอ.เผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีพัฒนาไปแล้วกว่า 70% เชื่อหลังโควิด-19 คลี่คลาย เป็นสัญญาณบวกให้มีนักลงทุนเข้ามาชมพื้นที่แน่นอน
จันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 เวลา 09.57 น.
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่และประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี โดยมีนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้รายงานว่า นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี มีความคืบหน้าไปมาก โดยขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเฟสแรก ในการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค พื้นที่กว่า 1,300 ไร่ เช่น การพัฒนาถนนและองค์ประกอบถนน งานระบบระบายน้ำฝน งานระบบน้ำเสีย งานระบบประปา ของถนนสายต่างๆในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี รวมระยะทางทั้งสิ้น 5.67 กิโลเมตร ที่ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 75% ซึ่งตามแผนการกำหนดจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564
ขณะที่ การพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ ปาร์ค พื้นที่ 600 ไร่ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางรางและโลจิสติกส์ในภูมิภาค และยังเป็นศูนย์การขนส่งสินค้าไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV และจีนตอนใต้ รวมถึงการขนส่งทางรางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ขณะเดียวกันในส่วนของการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าให้เช่า ซึ่งอยู่ในแผนการพัฒนาระยะที่ 1 (2564-2565) ล่าสุดอาคารคลังสินค้าทั้ง 3 หลัง รวมพื้นที่ 23,160 ตารางเมตร พร้อมเปิดบริการให้เช่าแล้ว
“จุดเด่นโครงการฯ คือการอยู่ในทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่มอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่อยู่ในแนวเส้นทาง One Belt One Road ที่เชื่อมโยงและเป็นประตูระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV และจีนตอนใต้ ผ่านเส้นทาง R3A R12 B9 และ B 8 ระบบรถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-หนองคาย และล่าสุดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงที่ 2 ที่จะขยายจากจังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดหนองคาย เพื่อเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวที่ขณะนี้ โครงการมีความคืบหน้าไปมาก ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกที่ทำให้นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีมีแรงดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้น คือ การที่จังหวัดอุดรธานีได้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทำให้โครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือเป็นโอกาสและศักยภาพที่ดีในการส่งเสริมให้มีการลงทุนในพื้นที่เพิ่มขึ้น”
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
0%
-
ไม่เห็นด้วย
0%