หลายคนอาจมองเรื่องสิ่งปฏิกูลกับพืชไร่ เป็นของคู่กัน คิดว่าเป็นปุ๋ยได้ แต่อยากจะเตือนเลยว่าต้องดูดี ๆ ว่ามูลนั้นเป็นมูลอะไร เรื่องของเชื้อโรคไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อย่างที่จังหวัดหนองคาย ชาวบ้านออกมาร้องเรียน หลังมีคนให้รถดูดสิ่งปฏิกูล หรือรถดูดส้วม นำสิ่งปฏิกูลมาเทลงในไร่มันสำปะหลัง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลโคกคอน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งมายังผู้สื่อข่าว พร้อมส่งภาพถ่ายและคลิปมาให้ พร้อมเล่าว่า ถนนเส้นทางลัดจากจุดบ้านสร้างดอน ไปบ้านหนองแวง มีเจ้าของไร่มันสำปะหลัง ให้รถดูดส้วมนำสิ่งปฏิกูลมาเททิ้งไว้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างมาก ทั้งเรื่องกลิ่น และเชื้อโรค
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้นำชุมชน นายอดุล ชัยแสง กำนันตำบลโคกคอน ก็ได้ลงพื้นที่ไปตักเตือน 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของไร่แล้ว เพราะเกรงว่าจะเป็นการแพร่เชื้อโรคในหมู่บ้าน แต่หลังจากนั้นก็ยังพบว่ามีการติดป้ายบอกจุดเทสิ่งปฏิกูลอยู่ให้รถดูดสิ่งปฏิกูลอยู่ โดยมีการติดตั้งป้ายในไร่มันสำปะหลังตั้งแต่เริ่มต้นที่ให้เท ไปจนถึงจุดสุดท้ายที่กำหนด
กระทั่งเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) กำนันตำบลโคกคอน พร้อมด้วย นายวิรัตน์ อินทะวงษ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ไปเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมนำหนังสือแบบตรวจแนะนำตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 แจ้งให้เจ้าของสวนมันสำปะหลัง ทราบว่า ตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข บัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้มีการทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในบริเวณที่ดินของตนตามมาตรา 8 (2) ซึ่งทางเจ้าของสวนมันสำปะหลัง ก็ได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในชุมชน และกล่าวขอโทษที่ทำให้เกิดปัญหา ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะคิดว่าสิ่งปฏิกูลนั้นเป็นปุ๋ย และหลังจากครั้งก่อนที่ผู้นำชุมชนมาแจ้งให้หยุดการกระทำ ก็ไม่ได้ทำแล้วและรับปากว่า หลังจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งสร้างความสบายใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ก็ถือว่าเป็นการเตือนให้ทราบสำหรับหลาย ๆ คนเลยก็แล้วกันที่มองว่าสิ่งปฏิกูลนั้นเป็นปุ๋ยช่วยเสริมให้พืชไร่เจริญงอกงาม แต่จริง ๆ แล้วก็ต้องดูด้วยว่าผลกระทบ นั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และที่สำคัญต้องดูด้วยว่าเป็นสิ่งปฏกูลจากอะไรและช่วยเรื่องการเกษตรได้มากน้อยเพียงใด