บช.ปส.จับล็อตใหญ่ ยาบ้า 4 ล้านเม็ด ลอบขนจากชายแดนหนองคาย ส่งลูกค้าในภาคกลาง รวบแก๊งขนเฮโรอีนส่งภาคใต้ เจาะช่องลับกระบะซุก 10 ก.ก.
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถ.วิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.,ร่วมกับ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. แถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี ผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 4,000,000 เม็ด, กัญชา จำนวน 800 กิโลกรัม และเฮโรอีน จำนวน 10 กิโลกรัม
คดีแรก เมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส. อุดรธานี กก. 7 บก.ปส. 2 บช.ปส. ร่วมกับ ศว.ปส. 2 ศวพ.บก.ขส.บช.ปส., ทกย. กกล. สุรศักดิ์มนตรีและสภ.ด่านซ้าย จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คนคือ 1.นางวลิตดา นาคสวน อายุ 35 ปี ชาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ 2.นางเพ็ญนภา ภัทรเจริญ อายุ 32 ปี ชาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
พร้อมของกลางจำนวน 4,000,000 เม็ด รถกระบะ สี่ประตู ยี่ห้อนิสสัน รุ่น นาวาร่า ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขข1612 ขอนแก่น รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1กอ 3936 กทม. และโทรศัพท์จำนวน 3 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจกก. 3บก.ปส.2 ร่วมกับจนท.ทหาร ทกย. กกล.สุรศักดิ์มนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายบุดดา สมแพง กับพวกรวม 3 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 325,000 เม็ด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส. 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลทราบว่า มีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องคือนางวลิตดา นาคสวน กับพวกมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้าน จ.หนองคาย ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง
จึงร่วมกันสืบสวนติดตามพฤติการณ์กลุ่มบุคคลดังกล่าวจากการสืบสวนทราบว่านางวลิตดา กับพวกใช้รถกระบะ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา ทะเบียน ขข1612 ขอนแก่น และยังสืบสวนทราบอีกว่ารถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว ทะเบียน 1กอ 3936 กทม. เป็นยานพาหนะ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในขบวนการนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนติดตามพฤติการณ์เรื่อยมากระทั่งวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่ารถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส คันดังกล่าว จอดที่ปั๊มน้ำมันปตท. เชียงคาน จึงเฝ้าจุด / สะกดรอยติดตาม
จากนั้นรถยนต์ โตโยต้า วีออส หมายเลขทะเบียนดังกล่าว ขับออกจากปั๊มน้ำมันปตท. เชียงคาน มุ่งหน้า อ.สังคม จ.หนองคาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 25 ส.ค.รถยนต์วีออสขับเข้าไปในพื้นที่ จ.หนองคาย ระหว่างทางพบรถกระบะ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา ขับวิ่งติดตามกันมา โดยรถยนต์ วีออส ขับนำหน้า และรถกระบะนิสสันวิ่งตามหลังใช้เส้นทางถนนหมายเลข 2336 จน ถึงอ.ด่านซ้าย จ.เลย จึงประสานจุดตรวจจุดสกัดบ้านโปง ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย สกัดจับ
ระหว่างนั้นรถกระบะนิสสัน รุ่นนาวาร่า กลับรถเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตาม และหยุดรถไว้ได้ พร้อมกับแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 400,000 เม็ด และแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่จุดตรวจจุดสกัดบ้านโป่งซี ให้จับกุมตัวผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว จึงทำการจับกุมตัวเพื่อขยายผลหาบุคคลในเครือข่ายพร้อม ทั้งนำผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส. 2 บช.ปส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพจำนวน 1 คน คือนายทวีศักดิ์ วงศ์อุดม อายุ 33 ปี พร้อมของกลางกัญชา จำนวน 500 กิโลกรัม รถกระบะบรรทุก ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 2ฒอ 1077 กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องจาก วันที่ 9 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. ร่วมกับกก.2บก.ปส. 2 จับกุม นายอริย์ธัข สุขสบาย พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 516,000 เม็ด และไอซ์ 22 กิโลกรัมได้ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา บก.ขส.ขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่ากลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติตของเครือข่ายนี้ มีความเคลื่อนไหวจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน
ต่อมาวันที่ 26 ส.ค.เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกลุ่มเป้าหมายเดินทางไปยังพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ขึ้นไปยังพื้นที่ อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ซึ่งเชื่อว่าไปดำเนินการเกี่ยวกับการลำเลียงยาเสพติดเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. จึงออกสืบสวนและติดตามกลุ่มเป้าหมาย จนพบว่ากลุ่มเป้าหมายออกเดินทางจากช่วง จ.บึงกาฬ เข้าสู่พื้นที่ตอนในจึงติดตามมาอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาวันที่ 27 ส.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. ร่วม บก.ปส. 2 ติดตามกลุ่มเป้าหมายจนถึงพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธรจังหวัดสระบุรี เพื่อร่วมในการติดตามจับกุมกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายทวีศักดิ์ วงศ์อุดม อายุ 33 ปี พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อ ฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 2ฌอ 1077 กทม. บริเวณพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบภายในรถบรรทุกกัญชามาน้ำหนักรวมประมาณ 400 กิโลกรัม จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า เดินทางไปรับยาเสพติดครั้งนี้มาจาก อ. ปากคาด จ.บึงกาฬ ส่งปลายทางที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เคยทำมา 2 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2ได้รับค่าจ้างในการขนลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้จำนวน 100,000 บาท ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าว จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตารวจ บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสาคัญ ดังนี้ผู้ต้องหา จำนวน 1 คน คือ นายญาณธนิก มณีญาณิน อายุ 54 ปี พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 27 ถุง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม รถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ-เทา ทะเบียน 3 ฒฌ 1909 กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจาหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตารวจ บก.ขส. ร่วมกับ กก.3 บก.สกส. จับกุม นายอานะ เลายี่ปา กับพวก พร้อมของกลางเฮโรอีน ประมาณ 41 กิโลกรัม ไอซ์ 5 กิโลกรัม และฝิ่นดิบ ประมาณ 5 กิโลกรัม ได้ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ บก.ขส. ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่ายังมีบุคคลในกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด ของเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน
ต่อมาวันที่ 9 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกลุ่มเป้าหมายมีการติดต่อกัน ซึ่งเชื่อว่าเตรียมการและดำเนินการเกี่ยวกับการลำเลียงยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. จึงออกสืบสวนและติดตามกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาวันที่ 27 ส.ค.เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. ร่วม บก.ปส.1 ติดตาม สืบสวนกลุ่มเป้าหมาย จนทราบว่ามีการนำยาเสพติดมาพักคอยในพื้นที่ กทม. เพื่อรอส่งมอบให้กับกลุ่มลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดทางภาคใต้ และสามารถจับกุม นายญาณธนิก มณีญาณิน อายุ 54 ปี พร้อมรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ-เทา ทะเบียน 3 ฒฌ 1909 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวดัดแปลงให้มีช่องลับภายใต้กระบะ และเปิดช่องลับจึงพบเฮโรอีน จำนวน 27 ถุง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การว่า เดินทางไปรับยาเสพติดครั้งนี้มาจากภาคเหนือ และมาพักในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อส่งปลายทางที่ภาคใต้ โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เคยทำมาแล้ว 3-4 ครั้ง และได้รับค่าจ้างในการขนยาเสพติดครั้งนี้ ประมาณ 300,000 บาท ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าว จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดาเนินการตามกฎหมาย และจะสืบสวนขยายผลการจับกุมกลุ่มเครือข่ายต่อไป