เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
“ฝั่งขวาเจ้าพระยา”
“โชกุน”
รถไฟจีน-ลาวได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนวันที่ 3 ธันวาคมนี้แล้ว เลื่อนไป 1 วัน จากเดิมที่จะเปิดเดินรถในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติลาว
ลาวมีเส้นทางรถไฟเพียง 3.5 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับจังหวัดหนองคาย ที่เปิดใช้เมื่อ พ.ศ. 2552 การเปิดใช้รถไฟจีน-ลาวจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ที่ลาวจะมีทางรถไฟสายแรกที่จะเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ผ่านประเทศเพื่อนบ้านคือ จีนทางทิศเหนือ และไทยทางตะวันออก
อย่างไรก็ตาม ลาวได้ประโยชน์จากทางรถไฟสายนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง คุนหมิง-สิงคโปร์ ในยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนน้อยมาก เพราะเป็นเพียงทางผ่านของจีนที่ต้องการเปิดประตูให้ดินแดนตอนใต้ คือ มณฑลยูนนาน เชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นหลังบ้านที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ความมั่นคงของจีน
รถไฟจีน-ลาว ที่จะเปิดใช้ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ มีระยะทาง 422 กิโลเมตร จากเวียงจันทน์ไปถึงเมืองบ่อเต็นที่อยู่ติดชายแดนจีน ซึ่งเป็นครึ่งทางเท่านั้น ยังไม่ถึงนครคุนหมิงซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 500 กิโลเมตร เพราะทางรถไฟในช่วงนี้ยังสร้างไม่เสร็จ และจะขนสินค้าเท่านั้น ยังไม่บริการผู้โดยสาร เพราะทั้งจีน และลาวยังปิดประเทศ จากสถานการณ์โควิด
ที่เผยแพร่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย โฆษณาให้ไปเที่ยวคุนหมิงด้วยรถไฟจีน-ลาวในราคาตั๋วที่ถูกมากเพียง 400 กว่าบาทจึงเป็นเฟกนิวส์ เพราะรถไฟสายนี้ไปถึงแค่ชายแดนลาว และเป็นรถไฟขนสินค้า ยังไม่กำหนดแน่นอนว่า จะขนคนได้เมื่อไร
ปัจจุบัน กลุ่มทุนจีนเข้ามาลงทุนเช่าพื้นที่ในประเทศลาว ที่เรียกว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษหลายแห่ง มีพื้นที่นับหมื่นไร่ อายุการเช่านานถึง 90 ปี เขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้ คือ เมืองใหม่ที่มีทั้งที่พักอาศัย สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม แหล่งบันเทิง โดยเฉพาะ กาสิโนที่มีลูกค้าเป้าหมายคือคนจีน เพราะรัฐบาลจีนห้ามตั้งกาสิโน บ่อนการพนันทุกชนิดในประเทศ
ที่เมืองบ่อเต็น ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของรถไฟจีน-ลาวในช่วงที่เข้าสู่ลาวแล้ว บริษัทไห่เฉิงยูนนานได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวเช่าที่ดิน 1,640 เฮกตาร์ หรือ 10,250 ไร่ นาน 90 ปี เพื่อสร้างเมืองใหม่ โดยได้เริ่มพัฒนาพื้นที่ตั้งแต่ปี 2559
ที่เวียงจันทน์ซึ่งเป็นปลายทางของรถไฟจีน-ลาว ใกล้กับสถานีรถไฟ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ บึงธาตุหลวง นักลงทุนจีน คือ บริษัท เซี่ยงไฮ้ วั่นเฟิง ได้สัมปทานเช่าที่ดิน 2,300 ไร่ นาน 99 ปี เพื่อสร้าง “ดูไบแห่งลาว” มีทั้งหอคอยแฝดสูง 150 เมตร โรงแรมระดับ 3-5 ดาว หอประชุมนานาชาติ ศูนย์การค้า บ้านจัดสรร อาคารชุด สนามกอล์ฟ ฯลฯ
พื้นที่รอบๆ เวียงจันทน์ ยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษอีก 2 แห่งคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษไชยเชษฐา และเขตเศรษฐกิจพิเศษ เวียงจันทน์-โนนทอง ซึ่งเป็นสัมปทานของนักลงทุนไต้หวัน
รถไฟจีน-ลาว จะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ “เขตเช่า” ของจีนในลาวกับแผ่นดินแม่ ขนคน ขนสินค้าจากจีนมาลาวเพื่อส่งต่อมายังไทย ขนสินค้าเกษตร จากไทย-ลาวกลับไปจีน ในช่วงที่ยังไม่มีทางรถไฟจากไทยไปเชื่อมต่อ
การลงทุนในยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนั้น ไม่ใช่ของฟรีที่จีนให้เปล่า ประเทศที่ร่วมโครงการ นอกจากต้องร่วมลงทุนแล้ว ยังต้องซื้อของจีน ใช้คนจีน ใช้เทคโนโลยีจีน กู้เงินจีนมาทำโครงการ เมื่อโครงการเสร็จแล้ว มีรายได้ต้องชำระหนี้เจ้าหนี้จีน ถ้ารายได้น้อย ขาดทุน ชำระหนี้ไม่ได้ ก็จะถูกยึดโครงการ ดั่งเช่นโครงการท่าเรือน้ำลึกในศรีลังกาและโครงการในเอเชียกลาง
โครงการรถไฟจีน-ลาว ใช้เงินลงทุน 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 190,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้จากธนาคารส่งออกนำเข้าของจีน 3,500 ล้านดอลลาร์ ฝ่ายจีนรับภาระหนี้ประมาณ 2,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลาวรับไป 1,060 ล้านดอลลาร์
เงินลงทุนอีก 2,300 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงทุนของบริษัทร่วมทุน จีน-ลาว โดยจีนถือหุ้น 70% ลาวถือหุ้น 30% ลาวต้องใส่เงินผ่านบริษัทร่วมทุน 730 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินกู้จากจีนเช่นกัน โดยเอาเหมืองแร่ 5 แห่งค้ำประกันหนี้
เดิมโครงการรถไฟไทย-จีน กรุงเทพฯ-หนองคายมีกำหนดเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกับรถไฟจีน-ลาว เพื่อให้เชื่อมต่อกันได้ แต่ปัจจุบัน รถไฟไทย-จีน เพิ่งจะสร้างไปได้แค่ 3.5 กิโลเมตร จากระยะทาง 255 กิโลเมตร กรุงเทพฯ-นครราชสีมาซึ่งตามแผนจะเสร็จปี 2569 และช่วงนครราชสีมา-หนองคายระยะทาง 356 กิโลเมตร ตามแผนจะเสร็จในปี 2571 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ทำอะไรเลย
รถไฟจีน-ลาว ซึ่งใช้เวลาสร้าง 5 ปี ถูกนำมาเปรียบเทียบกับรถไฟไทย-จีน ในเรื่อง ความทันสมัย ไม่ตกขบวนรถไฟหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง รถไฟไทย-จีน มีรูปแบบการทำโครงการไม่เหมือนโครงการในประเทศอื่นๆ ที่จีนเป็นผู้กำหนดฝ่ายเดียว รถไฟไทย-จีน เป็นโครงการเดียวที่มีการเจรจาต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทยให้มากที่สุด ทำให้ใช้เวลานาน และในที่สุด ไทยตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบโครงการจากรถไฟความเร็วปานกลาง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กรุงเทพฯ-หนองคาย เป็นรถไฟความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแบ่งโครงการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ก่อสร้างก่อน ระยะที่สอง นครราชสีมา-หนองคาย
นอกจากนั้น ยังเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากเดิมไทย-จีนจะลงทุนร่วมกัน มาเป็น ไทยลงทุนเองทั้งหมด แต่ใช้แบบระบบเทคโนโลยี และขบวนรถจากจีน
รถไฟไทย-จีนจึงถูกรถไฟจีน-ลาวทิ้งห่างไปหลายช่วงตัว เพราะไทย “อ่านจีน” ออก