เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า กรณีสมาชิกเสนอเรื่องระบบตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมเพื่อให้ประชาชนเดินทางด้วยความสะดวก ปลอดภัย ประหยัดนั้น ในส่วนของกทม.และปริมณฑลนั้น เราจะมีระบบรถไฟฟ้า 14 สายทาง ระยะทาง 554 กม. จะทำให้การเดินทางของประชาชนมีตั๋วเดียวและค่าโดยสารเดียว และจะเชื่อมทั้งระบบล้อ รางและเรือเพื่อให้ประชาชนสะดวกในการเดินทาง สิ่งที่เราดำเนินการมีเรื่องข้อกฎหมายและระเบียบที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ต้องตามแก้ปัญหาในอดีต
ดยระบบการกำกับและหน่วยงานกำกับในอดีตยังไม่มี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ตั้งกรมการขนส่งทางราง ทำหน้าที่ดูแลมาตรฐานความปลอดภัย และอัตราค่าโดยสารอย่างเหมาะสม ไม่ให้เอาเปรียบประชาชน แต่การดำเนินการมีกรมรางเกิดขึ้นภายหลังมีสัญญาสัมปทานต่างๆ เกิดขึ้นมาก่อน ยังไม่มีกฎหมายมาบังคับใช้ ทางกระทรวงจึงต้องใช้วิธีเจรจาและต่อรองเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันการจะนำมาสู่ความเสียหายที่เรียกว่าค่าโง่ ซึ่งตนจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก จึงต้องดำเนินการจัดทำ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปได้ ซึ่งรอเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนนำเรื่องเข้าสู่สภาฯ พิจารณาต่อไป
“หลังการประกาศใช้ เราจะสามารถบังคับใช้บัตรใบเดียวและอัตราค่าโดยสารเดียวสำหรับระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบ คิดค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียวทุกระบบ รวมทั้งฟีดเดอร์ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้เราจะทำให้รถเมล์และเรือโดยสารใช้พลังงานเป็นอีวี ภายในปี 65 ขสมก.จะดำเนินการหาผู้รับจ้างและให้บริการรถเมล์ที่เป็นรถไฟฟ้าในเขตกทม.และปริมณฑล เรามีแผนจัดหารถจำนวน 2511 คัน และจะจ้างเอกชนเดินรถอีก 1500 คัน”
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนของการคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงระหว่างเมือง เราได้เร่งรัดระบบรถไฟทางคู่ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติก เชื่อมตะวันออกสู่ตะวันตก เหนือสู่ใต้ รองรับการเชื่อมต่อขนส่งทางรางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เราต้องพัฒนาท่าเรือบกเพื่อเป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากรถบรรทุกไปรถไฟให้สะดวกรวดเร็ว โดยการท่าเรือฯ กำลังศึกษาและจัดทำรายงานร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของภาคเอกชน ส่วนการเตรียมการเชื่อมต่อระบบรางระหว่างไทย ลาว และจีน นายกฯ ให้ความสำคัญ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงทางรถไฟไทย ลาวและจีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธาน สถานการณ์ปัจจุบันรถไฟไทยสามารถเชื่อมต่อรถไฟโครงการลาวและจีนได้อยู่แล้ว เพราะมีการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนทุกวัน
นายศักดิ์สยาม ชี้แจงอีกว่า ที่มีข้อกังวลว่าจะเชื่อมต่อกันไม่ได้นั้นไม่มีปัญหา แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลาวยังไม่เปิดการเดินทางระบบขนคน ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา หากลาวเปิดพรมแดนเราจะเข้าไปประสานงานทันที เพื่อให้ประชาชนสามประเทศสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ รวมทั้งการขนส่งสินค้าทั้งหมด ระยะยาวจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 6 จะอยู่ใกล้กับแห่งที่ 1 ในจ.หนองคาย โดยไทยและลาวจะลงทุนค่าใช้จ่ายในอาณาเขตของตัวเอง นอกจากนี้เราให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี เช่น โดยพัฒนาระบบผ่านทางด่วนด่านพิเศษแบบไม่มีไม้กั้น เพื่อแก้ปัญหารถติดหน้าด่าน โดยเราเริ่มเปิดโครงการนำร่องที่ทางหลวงพิเศษหมายเลข 98 วงแหวนตะวันออก 4 ด่าน และจะขยายผลไปยังการทางพิเศษและมอเตอร์เวย์ โดยในปี 65 -66 เราจะขยายได้เต็มพื้นที่ ทั้งนี้ ในปีนี้เราจะลงทุนโครงการสำคัญ 1.4 ล้านล้านบาท ขณะนี้เราลงนามสัญญาผูกพันแล้ว 5.16 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 9.74 แสนล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวสามารถสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท ทำให้จีดีพีโตขึ้น 1-3%
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่