“ถ้ารัฐบาลประกาศปิดประเทศ หรือ lock down เพราะปัญหาโควิด-19 อีกครั้ง รับรองผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กทุกรายตายสนิททั้งประเทศอย่างแน่นอน เราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ ต้องแก้ปัญหาไปตามความเป็นจริง และแก้ตรงจุดตรงประเด็น ไม่ใช่แก้แบบหว่านแหสะเปะสะปะ เพราะมันไม่แก้ปัญหา แต่มันคือการสร้างปัญหามากกว่า”
นี่คือคำบอกเล่าจากปากคำของสมาชิกหอการค้าแห่งประเทศไทยกลุ่มหนึ่งที่บอกกับแนวหน้าเมื่อวันที่ได้พบปะกันในจังหวัดหนองคายเมื่อสองวันก่อน โดยผู้พูดบอกว่าขอฝากคำพูดนี้ไปยังนายกรัฐมนตรี และฝากคำพูดเดียวกันนี้ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขด้วย
วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วโดยล่าสุดรัฐบาลยืนยันว่าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้คนในประเทศไทยแล้ว 100 ล้านโดส โดยประชากรในไทยฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้วประมาณ 44 ล้านคน ซึ่งนับว่าเกินครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ส่วนคนในประเทศไทยประมาณ 51 ล้านคน ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่งแล้ว และคนที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่สามมีจำนวนประมาณ 4.8 ล้านคน ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้สาธารณชนได้ว่าจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ในประชาชนไทยเกิดขึ้น อันจะช่วยทำให้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนด้านภัตตาคาร ร้านอาหาร และธุรกิจบริการการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจสปา และธุรกิจจัดการประชุมสัมมนา และแสดงสินค้ากลุ่มหนึ่งจำนวนประมาณ 30 คน ส่งตัวแทนเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่กระทรวง โดยยื่นหนังสือแสดงข้อเรียกร้องว่ากลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยกับการประกาศปิดประเทศครั้งใหม่ และบอกว่าการประกาศปิดประเทศเมื่อครั้งที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการหลายร้อยหลายพันรายต้องปิดกิจการ ทำให้พนักงานจำนวนหลักหมื่นคนต้องตกงาน ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมเป็นเงินจำนวน 6 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ภาครัฐ โดยเฉพาะศบค.ไม่พยายามโหมกระพือให้ประชาชนตื่นตระหนกกับข่าวโควิด-19จนส่งผลให้ประชาชนไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติแต่ขอให้เตือนประชาชนให้ระวังตัวเพื่อให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้วขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ว่าโควิด-19 คือโรคประจำถิ่น ซึ่งสามารถรักษาหายได้เหมือนกับโรคไข้หวัดทั่วไป เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามเดิม อันจะทำให้วงล้อเศรษฐกิจของประเทศเคลื่อนตัวต่อไปได้ และเพื่อให้ธุรกิจด้านการบริการ การท่องเที่ยวไม่ต้องหยุดชะงัก จนต้องปิดกิจการไปเหมือนกับช่วงระยะเวลา 1-2 ปี ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการภาคเอกชนเป็นเรื่องที่น่ารับฟังและน่านำไปพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้เหมาะสมมากที่สุดแต่ทว่าสาธารณชนก็ต้องพิจารณาในแง่มุมอื่นๆ ให้ครบถ้วนรอบด้านด้วย เพราะเราทุกคนต้องไม่ลืมว่าเชื้อโควิด-19แพร่กระจายและติดต่อในสาธารณะได้ง่ายมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ภาคเอกชนจะต้องช่วยป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19ให้สาธารณะก็คือ ต้องเคร่งครัดและเข้มงวดกับลูกค้าที่ไปรับบริการ โดยต้องย้ำให้ทุกคนยกการ์ดสูงไว้ตลอดเวลา ต้องไม่ปล่อยตัวให้ติดเชื้อโควิด-19 โดยปราศจากการป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เพราะถ้าหากเกิดปัญหาคนไทยติดโควิด-19ทั่วประเทศเป็นจำนวนหลายล้านคนในระยะเวลาอันสั้น ก็อาจจะนำไปสู่การปิดประเทศ หรือ lock down ได้อีกครั้ง เพราะหากคนไทยจำนวนหลายล้านคนติดเชื้อโควิด-19 ก็คงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงการปิดประเทศ เพราะต่อให้เปิดประเทศต่อไป ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหน้าไหนกล้าเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย