เกษตรกรชี้หมูเถื่อน ขยะข้ามประเทศต้องสาวให้ถึงต้นตอ สารพัดโรคปนเปื้อน หวั่นกระทบความปลอดภัยอาหารคนไทย-ความมั่นคงอาหารของประเทศ
วันที่ 25 ต.ค.65 นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมาทางด่านที่เป็นช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก เช่น สระแก้ว บุรีรัมย์ อุบลราชธานี มุกดาหาร โดยเฉพาะด่านหนองคาย ที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ล่าสุด กรมปศุสัตว์ตรวจจับหมูเถื่อนได้ที่ด่านมุกดาหาร จำนวน 2 ตัน ขอให้กรมปศุสัตว์ และกรมศุลกากรร่วมดำเนินการตรวจจับหมูเถื่อนอย่างเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากผู้เลี้ยงมีความกังวลมากกับโรคต่างๆ ที่อาจแฝงมากับหมูเถื่อน รวมถึงการปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง จึงต้องการให้ภาครัฐกวดขันการปราบปรามแบบล้างบางขบวนการนี้ให้หมดสิ้นโดยเร็ว ก่อนที่จะทำลายอุตสาหกรรมหมูไทยทั้งระบบ
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐทั้งกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากร จะออกข่าวการจับกุมมาเป็นระยะๆ ซึ่งดูเหมือนว่าการตรวจจับนี้ไม่สร้างความระคายเคืองให้กับขบวนการนำเข้ากลุ่มนี้ และยังคงลักลอบดำเนินการกันอย่างต่อเนื่อง
“น่าแปลกใจที่การจับยึดหมูเถื่อนในช่วงที่ผ่านๆมา ไม่เคยมีการเปิดเผยให้ทราบถึงต้นตอของผู้ลักลอบนำเข้ามาเลย ทำให้ขบวนการลักลอบนำเข้ายังคงลอยนวล ซึ่งหมูเถื่อนที่นำเข้ามา โดยเฉพาะจากประเทศในยุโรป เป็นหมูหมดอายุ เรียกว่าเป็นขยะของประเทศต้นทาง และปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง ที่ทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ทางภาครัฐ ทั้งกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากร จึงต้องร่วมกันกวาดล้างหมูเถื่อนให้สิ้นซากถึงต้นตอ” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
นายสิทธิพันธ์ กล่าวด้วยว่า แม้ภาครัฐจะมีผลการจับกุมให้เห็นเป็นระยะ และถี่ขึ้น แต่อยากให้กรมศุลกากรจริงจังกับการตรวจจับหมูเถื่อนมากขึ้น มากกว่าที่จะรอให้เกษตรกรร้องขอ จึงตรวจจับให้พอเห็นเป็นความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีเครื่องตรวจเอ็กซเรย์ทันสมัย ทำไมจึงไม่เคยตรวจจับหมูเถื่อนที่ปนมากับสินค้าอื่นได้เลย น่าจะเป็นเหตุที่ทำให้ขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนไม่ได้รับความเดือดร้อน