เผยแพร่:
ปรับปรุง:
วัคซีนโควิด-19 ล็อตสอง 8 แสนโดส รัฐบาลกระจายให้โรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว พร้อมฉีดกลุ่มเป้าหมาย เตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว
วันนี้ (3 เม.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกระจายวัคซีนวัคซีนโควิด-19 ล็อต 2 ซิโนแวค 800,000 โดส เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายทุกจังหวัดแล้ว โดยกระจายในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์/เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและประชาชนกลุ่มเสี่ยงใน 22 จังหวัด จำนวน 640,000 โดส ประกอบด้วย 1) พื้นที่เพื่อควบคุมการระบาดของโรค 6 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กรุงเทพฯ ตาก ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี จำนวน 3.5 แสนโดส 2) พื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 8 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี (รวมพัทยา) ระยอง เชียงใหม่ ขอนแก่น กระบี่ พังงา อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต จำนวน 2.4 แสนโดส 3) พื้นที่จังหวัดชายแดนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 8 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สระแก้ว เชียงราย มุกดาหาร นราธิวาส ระนอง หนองคาย และจันทบุรี จำนวน 5 หมื่นโดส ส่วนวัคซีนที่เหลืออีก 160,000 โดส จะกระจายฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงวัคซีนสำหรับ อสม. จังหวัดละ 1,000 โดส แบ่งเป็น จังหวัดขนาดเล็ก (ประชากรน้อยกว่า 1 ล้านคน) จำนวน 800 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 1,800 โดส จังหวัดขนาดใหญ่ (ประชากร 1.0-1.5 ล้านคน) จำนวน 1,000 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 2,000 โดส และ จังหวัดขนาดใหญ่พิเศษ (ประชากรมากกว่า 1.5 ล้านคน) จำนวน 1,200 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 2,200 โดส
ทั้งนี้ จัดสรรการกระจายฉีดวัคซีนดังกล่าวเน้นบุคลากรสาธารณสุข อสม. เจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นๆ ที่จำเป็น และควบคุมการระบาดในจังหวัดใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมระบบในทุกจังหวัดก่อนเริ่มฉีดวัคซีนจำนวนมากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการให้กระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายและในพื้นที่ที่มีความเสี่ยสูงก่อน และขยายไปสู่พื้นที่อื่นตามลำดับอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ รวมทั้งสอดคล้องสถานการณ์ของโลกที่หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รัฐบาลพร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน/โรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ยื่นเอกสารเพื่อขอประเมินคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีน ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นผู้พิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 โดยขณะนี้ได้มีการอำนวยความสะดวก และเปิดช่องทางพิเศษในการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน เพื่อให้สามารถอนุมัติทะเบียนได้อย่างรวดเร็วแล้ว เมื่อยื่นเอกสารครบถ้วนตามที่กำหนดคาดว่าจะใช้เวลาในการประเมินและพิจารณาอนุญาตประมาณ 30 วัน โดยคำนึงถึงคุณภาพความปลอดภัยของวัคซีนตามมาตรฐานสากลเป็นสำคัญ