- อัปเดตจังหวัดไหน ไม่ใส่ “แมสก์” ออกจากบ้าน โดนปรับ 2 หมื่น
- เตือนใส่ “หน้ากากอนามัย” ผิดวิธี เข้าข่ายผิดกฎหมาย เสี่ยงโดนปรับ
- ขึ้นรถโดยสารสาธารณะ-ขับรถส่วนตัว มีคนอยู่ด้วย ต้องใส่ “หน้ากากอนามัย”
การแพร่ระบาดโควิดฯ ระลอกใหม่ ในเดือน เม.ย.นี้ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายจังหวัดมีการออกคำสั่งเข้ม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ โดยให้ประชาชนสวมใส่ “หน้ากากอนามัย-หน้ากากผ้า” ทุกครั้งตลอดเวลา ที่ออกจากที่อยู่อาศัย หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง มีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนจะมีจังหวัดไหนบ้างนั้น วันนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จะมาอัปเดต พร้อมกับไขข้องใจสวมใส่แมสก์แบบไหน จึงไม่ผิดกฎหมาย ขณะออกจากบ้าน ???
อัปเดตจังหวัด “ไม่สวมแมสก์” ก่อนออกจากบ้าน เจอปรับ 2 หมื่น
ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)
- ยโสธร
- หนองคาย
- อุบลราชธานี
- ชัยภูมิ
- มหาสารคาม
- มุกดาหาร
- ศรีสะเกษ
- สุรินทร์
- อุดรธานี
- เลย
- อำนาจเจริญ
- บุรีรัมย์
- นครพนม
- ขอนแก่น
- นครราชสีมา
- ร้อยเอ็ด
ภาคกลาง
- กาญจนบุรี(เฉพาะตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ำ)
- เพชรบุรี
- สุพรรณบุรี
- พระนครศรีอยุธยา
- สมุทรสาคร
- ลพบุรี
- สมุทรปราการ
- ประจวบคีรีขันธ์
- สระบุรี
- นนทบุรี
- นครปฐม
- กรุงเทพมหานคร
- ปทุมธานี
ภาคตะวันออก
ภาคใต้
ใส่ผิดวิธีเข้าข่ายผิดกฎหมาย ถูกปรับ 2 หมื่น
ขณะที่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีว่า การดึงหน้ากากไว้ใต้คาง ใส่ปิดแค่ปากแต่ไม่ปิดจมูกนั้นผิดกฎหมาย ควรใส่ปิดมิดชิดปากและจมูกให้ถูกต้อง ทุกจังหวัดที่ประกาศแล้ว ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านอย่างถูกต้องหรือถูกวิธี ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท มีผลตั้งแต่วันนี้ เหมือนคำสั่งจังหวัดที่ให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เจตนารมณ์ของกฎหมายที่รองรับคำสั่ง คือป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การสวมหน้ากากจึงต้องสวมให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันโรคระบาด ไม่ใช่เพื่อป้องกันการถูกจับปรับไม่เกิน 20,000 บาทเท่านั้น หน้ากากจึงมีไว้เพื่อป้องกันตัวท่านเอง เพื่อไม่ให้ติดเชื้อโควิดฯ ไม่ใช่มีไว้เพื่อป้องกันตำรวจจับ ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2554 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ขึ้นรถโดยสาร-ขับรถส่วนตัว มากกว่า 1 คน “ต้องใส่แมสก์”
นอกจากนี้ นายโกศลวัฒน์ ยังระบุว่า คนที่ไม่อยากใส่ คนที่รู้สึกต่อต้าน ขอให้ไปอ่านข่าวว่าผู้ติดโควิดฯ นำเชื้อกลับเข้าไปติดคนที่บ้าน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่นำเชื้อไปติดพ่อแม่ที่สูงอายุ ท่านระมัดระวังไม่ออกนอกบ้าน มีวินัยป้องกันตนเองอย่างสูง แต่ลูกหลานเข้ามาหานำเชื้อมาติดคนสูงอายุในบ้านหลายรายแล้ว เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ คงต้องมานั่งเสียใจแล้วคิดกันแบบเดิมๆ ว่า เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา จึงไม่ควรประมาท ดังนั้นต้องร่วมมือกันอย่างมีวินัยและเคร่งครัด เราปลอดภัยทุกคนที่ใกล้เราก็ปลอดภัยด้วย จึงจะรอดไปด้วยกัน
“อัยการขอให้ปฏิบัติตามประกาศในทุกจังหวัดโดยเคร่งครัด ออกจากบ้านใส่หน้ากากทันที นั่งรถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถแท็กซี่ ก็ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา จังหวัดไหนที่ยังไม่ประกาศก็ใส่ได้ ถ้าอยากจะรอดไปด้วยกัน แม้กฎหมายนี้จะดูเป็นการบังคับให้เราใส่หน้ากาก แต่ใส่แล้วก็ดีกับเรา ปลอดภัยกับเรา เรียกได้ว่าดีมากกว่าเสีย แล้วทำไมจะไม่ใส่หน้ากากกัน ทั้งนี้ นายประเสริฐ อธิบดีอัยการภาค 8 ได้ส่งบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ซึ่งศาลท่านได้ระบุกฎหมายครบถ้วนทุกฉบับทุกมาตรา ให้ดูเป็นตัวอย่างแม้ศาลใช้ดุลพินิจปรับ 4,000 บาท รับสารภาพลดครึ่งเหลือ 2,000 บาท แต่ในจังหวัดอื่นๆ ศาลท่านก็ใช้ดุลพินิจลงโทษตามความเหมาะสมในพฤติการณ์แห่งคดี หากมีพฤติการณ์ไม่ยอมใส่หน้ากากแบบท้าทายกฎหมาย ศาลอาจใช้ดุลพินิจลงโทษหนักกว่านี้ได้ อัตราโทษปรับอย่างสูงไม่เกิน 20,000 บาท ขอบคุณที่ช่วยให้ความรู้ประชาชน ประชาชนจะได้ร่วมมือกันปฏิบัติอย่างถูกต้องไม่ให้เกิดประเด็นความขัดแย้งทางสังคม ในการปฎิบัติตามกฎหมาย”
เรียบเรียงโดย : หงเหมิน
กราฟฟิก : sathit chuephanngam