ไล่บี้ทุจริต ‘บิลเลี่ยน-หนองคายฯ’ อีกรอบ เล็งฟ้องแพ่ง-อาญา หวังทวง 3 พันล.คืนครู
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายธนพร สมศรี คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ลงนามคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) นำเงิน รวม 3,000 ล้านบาท ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทบิลเลี่ยนอินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้สำนักงานสกสค.ได้รับความเสียหาย โดยมีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธาน และตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ นำเงินจำนวน 800 ล้านบาท ร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน ของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีนายไกรวิชญ์ ภัทรพงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธาน อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 ชุดจะใช้เวลารวบรวมข้อมูลไม่เกิน 30 วันก่อนสรุปผลการสืบสวน หากพบว่า มีมูลทุจริตก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญา
นายธนพร กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มีการตรวจสอบทั้งสองเรื่องอีกครั้ง กรณีบริษัท บิลเลี่ยนฯ มีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน โดยทราบว่า ทางผู้บริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี แม้จะยึดทรัพย์สินบางส่วนคืนมาได้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้เงินคืนกลับมาทั้งหมด ทางสกสค.ก็ต้องดำเนินการทวงคืนกลับมาให้ได้ ส่วนของกรณีการซื้อหุ้นบริษัท หนองคายน่าอยู่ ฯ เป็นที่น่าตกใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการดำเนินคดีใด ๆ ตามกฎหมายดลย ดังนั้นจึงต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีกรอบ หากพบว่า มีการทุจริงจริง ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป ส่วนการสอบสวนที่ผ่านมา มีการหยุดดำเนินการ มีสารข้อมูลบางอย่างสูญหาย และมีอดีตผู้บริหารสกสค.เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่แน่ใจว่า เอกสารหายไปได้อย่างไร
“ทั้งสองเรื่องนี้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้สั่งการให้ผม ร่วมกับงานและข้าราชการภายในศธ. ดำเนินการสอบสวนในทางลับตั้งแต่ช่วงที่ผมเป็นรองเลขาธิการสกสค. ซึ่งพบความผิดปกติ จึงต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง การทุจริตครั้งนี้ เป็นวงเงินค่อนข้างสูงรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องเร่งติดตามเพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่วนจะฟ้องเรียกเงินคืนเท่าไรนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดไม่สามารถบอกได้ เพราะอยู่ในกระบวนการสอบสวน”เลขาธิการสกสค.กล่าว