4 จังหวัดติดโควิดทะลุพันราย กทม.สูงสุด 3,234 ราย ตามด้วยชลบุรี นนทบุรี สมุทรปราการ ภาพรวม 46 จังหวัดยังติดเกินร้อยราย ดันยอดนิวไฮอีกวัน 2.56 หมื่นราย ดับ 40 ราย พบอายุ 105 ปีเสียชีวิตอีกราย มาจากต่างประเทศอัตราติดเชื้อลดลง พบลักลอบมาจากพม่าติดเชื้อ 23 ราย ฉีดเข็มสามเกิน 20 ล้านคน
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึงหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 22 นับจากการระบาดระลอก 1 ม.ค. 2565 โดยรายงานติดเชื้อ 25,615 ราย สะสม 2,844,897 ราย หายป่วย 14,641 ราย สะสม 2,621,004 ราย เสียชีวิต 40 ราย สะสม 22,849 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 201,044 ราย อยู่ใน รพ. 83,703 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 117,341 ราย มีอาการหนัก 965 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 263 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 40 ราย มาจาก 25 จังหวัด ได้แก่ กทม. นครราชสีมา สุรินทร์ ราชบุรี จังหวัดละ 3 ราย , นครปฐม สมุทรปราการ อุตรดิตถ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช ชลบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นนทบุรี บุรีรัมย์ มุกดาหาร หนองคาย อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย อุทัยธานี ตรัง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี ระยอง และสุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 23 ราย หญิง 17 ราย อายุ 36 – 105 ปี เฉลี่ย 78 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 97%
ส่วน 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,234 ราย 2.ชลบุรี 1,310 ราย 3.นนทบุรี 1,129 ราย 4.สมุทรปราการ 1,118 ราย 5.นครราชสีมา 866 ราย 6.นครศรีธรรมราช 813 ราย 7.นครปฐม 793 ราย 8.ราชบุรี 770 ราย 9.ภูเก็ต 698 ราย และ 10.พระนครศรีอยุธยา 692 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 46 จังหวัด คือ สมุทรสาคร 671 ราย , ปทุมธานี 625 ราย , ระยอง 542 ราย , บุรีรัมย์ 565 ราย , ขอนแก่น 524 ราย , ชัยภูมิ 461 ราย , สุพรรณบุรี 451 ราย , ฉะเชิงเทรา 428 ราย , ปราจีนบุรี 379 ราย , กาญจนบุรี 376 ราย , สุราษฎร์ธานี 348 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 341 ราย , สุรินทร์ 317 ราย , ร้อยเอ็ด 308 ราย , กำแพงเพชร 288 ราย , สระบุรี 279 ราย , เชียงใหม่ 270 ราย , นครสวรรค์ 269 ราย , สงขลา 254 ราย , สุโขทัย 245 ราย , อุบลราชธานี 243 ราย , มหาสารคาม 209 ราย , กระบี่ 206 ราย , ยะลา 205 ราย , เพชรบุรี 201 ราย
กาฬสินธุ์ 197 ราย , ลพบุรี 190 ราย , หนองคาย 187 ราย , จันทบุรี 185 ราย , ปัตตานี 184 ราย , พัทลุง 183 ราย , ชุมพร 181 ราย , นครพนม 172 ราย , พิษณุโลก 164 ราย , เพชรบูรณ์ 162 ราย , ตาก 158 ราย , สมุทรสงคราม 158 ราย , สระแก้ว 158 ราย , นครนายก 157 ราย , นราธิวาส 147 ราย , อุตรดิตถ์ 145 ราย , อ่างทอง 141 ราย , อุดรธานี 132 ราย , สตูล 125 ราย , ศรีสะเกษ 121 ราย และยโสธร 120 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 1 จังหวัดคือ ลำพูน 9 ราย สำหรับลำปางรายงาน 0 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 189 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 166 ราย ใน 37 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น รัสเซีย 24 ราย , เมียนมา 23 ราย (ลักลอบเข้าประเทศ) , สิงคโปร์ 13 ราย , เยอรมนี ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ประเทศละ 8 ราย , สวีเดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศละ 7 ราย , ออส้ตร้ลีย อังกฤษ ประเทศละ 6 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 84 ราย แซนด์บ็อกซ์ 45 ราย ระบบกักตัว 14 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 23 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-25 ก.พ. 2565 จำนวน 176,183 ราย รายงานติดเชื้อ 4,233 ราย คิดเป็น 2.4% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 114,843 ราย ติดเชื้อ 1,317 ราย คิดเป็น 1.15% แซนด์บ็อกซ์ 52,936 ราย ติดเชื้อ 2,674 ราย คิดเป็น 5.05% และกักตัว 8,404 ราย ติดเชื้อ 242 ราย คิดเป็น 2.88%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 25 ก.พ. ฉีดได้ 380,104 โดส สะสมรวม 123,159,238 โดส เป็นเข็มแรก 53,448,659 ราย คิดเป็น 76.8% ของประชากร เข็มสอง 49,673,510 ราย คิดเป็น 71.4% ของประชากร และเข็มสาม 20,037,069 ราย คิดเป็น 28.8% ของประชากร